วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

และแล้วก็เกาหลี

          ห่างหายไปนาน ไม่ได้อัพเลยจ้าา นี่เพิ่งได้มาเขียนตอนที่อยู่เกาหลีแล้ว ฮืออออ ซอรี่

ฮัลโหลลลลลลลลล 555555
มาต่อเรื่องการเรียนมหาลัยบ้าง
ทั้ง 2 มหาลัยรับเราแล้วค่า
อีฮวานี่ตอบเร็วมากมาย แต่ซองแดนี่ 1 อาทิตย์เต็มค่ะ อห.

การโอนเงินค่าเรียน


          ขั้นตอนต่อไป หลังจากทางมหาลัยรับแล้ว เราก้รีบโอนเงินค่าเรียนให้ทางมหาลัยด่วนค่ะ
ของเราโอนผ่านธนาคาร tmb เป็นเงินไทยนะ แล้วทางธนาคารจะจัดการคำนวนเงินว่าเราต้องจ่ายเงินไทยเท่าไหร่ เรทเงินตามธนาคาร

แต่จะมีปัญหานิดหน่อยตรงที่เราไม่รู้ว่าเงินเราที่ไปถึงปลายทาง เรทค่าเงินในวันนั้นมันจะเผฝป็นเท่าไหร่ และธนาคารทางนั้นจะเก็บค่าธรรมเนียเราเท่าไหร่ แตาไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะถ้าเงินเกินหรือขาด ทางมหาลัยจะส่งเมลมาบอก

อย่างกรณีเราเงินขาดจ้า เขาก้ส่งเมลมาบอกว่าขาดเท่าไหร่ ให้จ่ายหลังจากเริ่มคลาสไปแล้ว ภายใน 5 วัน

แล้วนางก็จะส่งจดหมายรับรองการเข้าเรียนกับใบเสร็จมาให้ค่ะ แต่ตัวจริงต้องไปเอาที่ออฟฟิซมหาลัยหรือให้เขาส่งมาให้ที่บ้านก้ได้นาจา

ตรงนี่หากใครได้รับเมลตอบรับแล้วมีเวลาทำวีซ่าที่ไทยก็ให้ทางมหาลัยส่งจดหมายฉบับจริงมาให้ได้เลยค่ะ

แต่เราต้องไปเรียนที่อีฮวาก่อนเลยทำวีซ่าที่ไทยไม่ทัน เชี้ยยย หรือนี่ชั้นต้องไปเรียนที่อีแดก่อนแล้วต้องบินกลับมาทำวีซ่าที่ไทยวะ เปลืองไปอีก

แต่!!! มีทางแก้ค่ะ

          ทางมหาลัยบอกว่าเราสามารถไปทำวีซ่าที่เกาหลีได้!! แอบบอกว่าทำที่เกาหลีง่ายกว่าไทยอีกนะ แต่ราคานี่โหดขิงๆค่ะ (เรื่องวีซ่าและปัญหาในการทำนี่เด่วมาเล่า มันหลายสิ่งมากกกกกก) แต่พอทำแล้วก้สบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ อิอิ

ทีนี้เราก้เตรียมตัวไปเกาหลีเย้ จัดกระเป๋า บลาๆๆๆ เรื่องจัดกระเป๋าขอไม่ลงรายละเอียดนะคะ น่าจะทำกันเองได้เนาะ ไปเกาหลีรอบแรก พ่อแม่เราไปส่งด้วยจ้า คุณอาด้วย เอาเปนว่าไปทั้งครอบครัว แถมอยู่เกือบเดือนงี้ คือไปเที่ยวกันก่อน เลยพักโรงแรมกันก่อนประมานสองอาทิตย์ เพื่อช่วยเราหาที่พักตอนเริ่มเรียนภาษา

หลังจากนี้ก็เป็นการใช้ชีวิตที่เกาหลีแล้ววว 
เด๋วมาอัพต่อแน่นอน แต่ตอนนี้ ไปเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบแปรปปปป

มีอะไรถามมาได้นะคะ เราจะพยายามตอบน้า
อย่าลืมกด like Facebook Fanpage ด้วยน้าาาา (มีคนกดประมาน 5 คนได้มั๊งน่ะ)
LittleMonster


วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรียนภาษาเกาหลีที่ไหนดีนะ 2

กลับมาแล้วจร้าาาาาาา
จากโพสที่แล้วที่พูดถึงมหาวิทยาลัยสอนภาษาเกาหลีที่ประเทศเกาหลี ตามไปดูได้ที่
เรียนภาษาเกาหลีที่ไหนดีนะ 1

มาวันนี้นะคะ เราได้เลือกมหาลัยที่อยากเรียนเรียบร้อยแล้วว
นั่นก็คือ มหาวิทยาลัย ซองกยุนกวาน หรือ Sungkyunkwan University นั้นเองงงง

SKKU เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ เป็นมหาลัยแห่งแรกในเกาหลี
มีมาตั้งแต่สมัยโชซอน  ก่อตั้งเมื่อปี 1398
ปัจจุบันมหาลัยนี้อยู่ในอุปการะของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใครๆก็รู้จักกันทั่วโลก
คือบริษัทซัมซุงนั่นเองค่ะ

เป็นมหาวิทยาลัย ท็อป 10 ในประเทษเกาหลี ติดอันดับที่ 17 ของเอเชีย และอันดับที่ 118 จากอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกโดย the QS worldwide university rankings 

และเมื่อปี 2013 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยซองกยูนกวาน วิทยาเขตซูวอน จังหวัดคยองกี อ้างอิงจากข่าว SKKU

และที่เลือกมหาลัยนี้อีกนอกจากเป็นที่ยอมรับเรื่องภาษาพอๆกับยอนเซ และตารางเรียนที่หนักพิเศษกว่าชาวบ้านมหาลัยอื่นๆ ก็คือไม่ค่อยมีคนเอเชียเรียนเท่าไหร่ ประมาณว่าคนเรียนน้อยค่ะ อาจเพราะมันไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองอย่าง ซอกัง ยอนเซ หรืออีฮวา นั่นเอง 

และมหาลัยนี้เรื่องเยอะพอสมควรค่ะ requirement เอกสารเยอะมากกว่าที่อื่นยังไงไม่รู้
อีเมลไปกว่าจะตอบก็ช้ามากกกกกกกก แถมโบราณสุดๆคือต้องส่งใบสมัครผ่านไปรษณีย์เท่านั้น อีผี!!! 
ที่อื่นเขาส่งกันอัพโหลดเป็น Online application กันทั้งนั้น แถมในข้อจำกัดมันบอกอีกนะว่าต้องส่งภายในเวลาที่เปิดรับสมัครเท่านั้น คือเปิดโคตรใกล้อ่ะ กว่าจะส่งกว่าจะตอบรับ กว่าจะจ่ายตัง แม่งทำวีซ่าอีก มันทันไหมล่ะ 

เราก็เมลล์ไปเยอะมากค่ะ เป็นสิบๆ เมลเลย 
เรื่องการลงเรียน ได้ความว่าต้องส่งใบสมัครผ่าน Post เท่านั้น และเอกสารทั้งหมดที่ส่งมาจะไม่ได้คืนค่ะ
และถ้าต้องการทำวีซ่า D-4 ต้องสมัคร 2 Sessions ขึ้นไป ซึ่งเรากะสมัคร 3 Sessions อยู่แล้ว
เราเลยสรุปไปให้นางว่าเอกสารที่ต้องส่งสมัครมีอะไรบ้าง รายละเอียดตาม LINK นี้เลย

เอกสารสำหรับการสมัคร

1. ใบสมัคร (สามารถดาวน์โหลดได้)
2. ใบเรียนจบของมหาวิทยาลัยที่เรียนล่าสุด ตัวจริง
3. Transcript ตัวจริง
4. สำเนาสูติบัตร พร้อมแปลภาษาอังกฤษ
5. สำเนาพาสปอร์ต
6. ภาพถ่าย 4 สี 3x4 CM
7. สำเนาบัตรประชาชนตัวเองและพ่อแม่ พร้อมแปลภาษาอังกฤษ
8. An original bank certificate of deposit balance (หนังสือรับรองบัญชีเงินฝาก) ภาษาอังกฤษออกโดยธนาคารเจ้าของบัญชี โดยต้องมีเงินในสมุดบัญชีไม่ต่ำกว่า 9,000 USD
9. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า

*ข้อ 8 และ 9 จะเป็นของเราหรือของพ่อแม่เราก็ได้ค่ะ
**ข้อ 2,3,4 และ 7 ต้องได้รับการรับรองเอกสารจากกงศุลต่างประเทศและสถานฑูตเกาหลีด้วยนะคะ

ทั้งหมดมีเท่านี้ค่ะ แต่ทางมหาลัยส่งกลับมาว่า ยูต้องมีข้อง 10 ด้วยนะ นั่นก็คืด Letter of Korean sponsor(s) in Korea.

What The Fxxxxxxx!!!! 
บ้าหรือเปล่า บ้าไปแล้ว
จะไปหาสปอนเวอร์ที่เป็นคนเกาหลีและอาศุยอยู่ที่เกาหลีได้ยังไง บ้าเหรอ
นึกออกใช่ป้ะ ลองคิดดูค่ะว่าถ้าคุณกำลังจะไปเรียนเมืองนอกประเทศใดก็แล้วแต่ คุณจะไปรู้จักคนประเทศนั้นได้อย่างไร ถึงรู้จัก เขาก็ไม่เซ็นเป็น Sponsor ให้หรอกป้ะ
เพราะมานคือ Letter of guarantee ข้อตกลงว่าถ้าเราทำผิดกดหมายเกาหลี หรือไม่มีเงินที่จะเรียนต่อ คนๆนั้นจะรับผิดชอบ อารมณ์เหมือน Guardian อ่ะค่ะ

จะมีไหมละคะ มีเพื่อนมีคนรู้จักเป็นคนเกาหลีค่ะ แต่เขาไม่มาการันตีให้กูหรอกไหม เกิดไรขึ้นทำไมต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่ญาติสักหน่อย
เลยส่งกลับไปค่ะว่า สปอนเซอร์ของกูเนี้ยคือพ่อแม่ และกูเปนคนไทย ฉะนั้นพ่อแม่กูเนี้ยก็เป็นคนไทย ส่งกูเรียนมาตั้งแต่ประถมแล้ว กูจะไปหาคนเกาหลีจากไหน เข้าใจผิดหรือเปล่า ใช้พ่อแม่เซ็นฟอร์มนี้ได้ไหม และแนบพาสปอร์ตไป และให้กงศุลกับสถานฑูตรับรอง

นางตอบกลับมาว่า ถ้าทำแบบนั้นเอกสารการสมัครของเราจะไม่สมบูรณ์ มีผลต่อการคัดเลือกของคณะกรรมการ *พ่องงงงงงงงงสิ

เราเลยหาที่เรียนใหม่ไว้เผื่อเลยค่ะ 555
และหาข้อมูลทุกอย่าง ถามจากเอเจนซี่ คิดในใจว่าทำไมต้องใช้ว่ะ แบบนี้จะมีใครไปเรียนมหาลัยเมิงไหมล่ะ แต่ก็ค่ะ ด้วยความที่พอเห็นแบบนี้กูยิ่งต้องเข้าเรียนที่นี่ให้ได้!!!! เพื่ออนาคตของกู ไม่งั้นต้องเรียนช้อไปอีกครึ่งปีเลยนะเฟร้ยยยย!!!

ทุกเอเจนซี่ที่ถามตอบกลับมาหมดเลยค่ะว่า สงสัยเป็นกฎใหม่เพิ่งเพิ่มมา แหมอะไรจะซวยขนาดนี้ เราเลยไปตามดูรายละเอียดต่างๆ ของการทำวีซ่า กดหมายการทำวิซ่าเกาหลี ทั้งหมด (มีประมาณ 20 หน้า) และทำให้เราสรุปได้ว่า อี Letter of guaratee เนี้ย มันคือคนการันตีเรา แต่ไม่ต้องเป็นคนเกาหลีก็ได้ และไม่ต้องอยุ่เกาหลีก็ได้ คือ พ่อแม่เรานี่แหละค่ะ เพียงแต่ให้แนบหลักฐานทางการเงิน และการทำงานไปด้วยค่ะ เช่นคนที่การันตีเราทำงานอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่ ก็ต้องมีแนบมาและต้องรับรองจากกงศุลอีกเช่นเคย และประจวบเหมาะที่เอเจนซี่ชื่อดังแห่งนึงตอบอีเมลลมาพอดีค่ะว่า คนการันตีไม่จำเป็นต้องเป็นคนเกาหลีค่ะ สามารถให้พ่อแม่ได้ จบ

แอดมินมหาลัยนี้ดูงงๆ ไม่เข้าใจ ไม่ดูแลเลย แย่มาก แต่ทำไงได้ ยังไงก้ต้องเรียนที่นี่ ไม่งั้นอาจจะเข้ามหาลัยไม่ทันปีหน้าก็เป็นได้ เอาล่ะ

สรุปเอกสารที่เพิ่มมาก็คือ

1. หนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท (กรณีที่พ่อแม่เราเป็นเจ้าของธุรกิจ) หรือหนังสือรับรองการเป็นพนักงานพร้อมเงินเดือนที่ได้รับ
2. สำเนาพาสปอร์ตของผู้การันตี
3. แบบฟอร์ม Letter of Guarantee. หรือ Letter of Sponsorships.

* ทั้ง 3 อย่างนี้ต้องให้กงศุลและสถานฑูตรับรองเอกสารและประทับตราด้วยนะคะ และให้แนบไปพร้อมกับ Statement ของบัญชีที่เราจะยื่นนะ

ทีนี้ก็ทำการเตรียมเอกสารค่ะซึ่งเรามีครบทุกอย่างแล้วค่ะ
โดยแผนของเราก็คือ จะเรียน Short-course 3 weeks ก่อนค่ะ เริ่ม 1 ส.ค. 59
แล้วค่อยเริ่ม Regular course อีก 3 เทอม เริ่มกันยา และจบเทอม 3 ที่ 24 กุมภา 2017
ตอนนั้จะลองสอบโทปิกและยื่นทุน KGSP อีกครั้งดูค่ะ ถ้าไม่ได้ก็เรียนเองแบบเสียเงินนี่แหละค่ะ 555
โดยเราคิดว่าจะเรียนช่วง Spring Semester ค่ะ
มหาลัยอะไรเดี๋ยวว่ากันอีกที ตอนนี้ดู Dongguk University กับ Korea University ไว้ค่ะ
แต่ถึงตอนนั้นเดี๋ยวเราค่อยคิดก็ได้เนาะ 555555

Short Course เราเลือกเรียนที่เดียวกับ regular ค่ะ คือ SKKU นั่นเอง
จริงๆอยากเรียนซอกังนะแต่มันไม่มีค่ะ ฮาา



ค่าเรียน Short Course คือ 710,000 KRW ค่ะ ไม่รวมค่าหนังสือเรียน
เริ่มเรียน 1 Aug - 22 Aug 2016 ค่ะ

ตอนนี้เอกสารรอ Statement ขอผู้ปกครองอย่างเดียวค่า
แล้วก็ไปรับรองเอกสารทั้งหมดที่กงศุล และสถานฑูต
สุดท้ายถ้าเอกสารมีปัญหาอะไรก็คงไปเรียนที่ซอกังแระ เหนื่อยกะมัน ฮ่าๆๆๆ

ไว้ถ้าผ่านหรือไม่ผ่านยังไง และสรุป ได้ไปเรียนที่ไหนจะมาเล่าให้ฟังในโพสหน้านะจ้าาาา
อย่าลืมกด like Facebook Fanpage ด้วยน้าาาา
LittleMonster

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรียนภาษาเกาหลีที่ไหนดีนะ

มาต่อกันแล้วค่าา

        โพสนี้ยาวหน่อยนะคะ จะพูดเรื่องที่เรียนภาษาเกาหลีนะคะ หลายคนอยากเดิอนทางไปเกาหลีเพื่อเรียนภาษาเกาหลีแต่ไม่รู้ว่าจะเรียนที่ไหนดี มหาลัยอะไรสอนดีนะ แล้วเราจะลงคอร์สอะไรดีละ แต่ละที่หลักสูตรไม่เหมือนกันยังไง? เท่าที่หลายๆคนรู้จักมหาวิทยาลัยที่เกาหลี หลายๆคนคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว สถาบันเรียนภาษา มีคอร์สภาษาที่คนต่างชาตินิยมเรียนก็จะมี

มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล(Seoul National University) 
มหาวิทยาลัยโคเรีย(Korea University) 
มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University) 
มหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University) 
ซองกยุนกวาน (SKKU) 
มหาวิทยาลัยคยองฮี (Kyunghee University) 
มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha woman University) 

               แต่ละที่ก็มีความโดดเด่ดด้านภาษาไม่เหมือนกัน แต่ที่เราได้สืบเสารหาข้อมูลบวกกับได้ปรึกษาหลายๆคนทั้งคนที่เรียนภาษาอยู่ที่นั่น คนที่เรียนปริญญาอยู่ที่นั่น หรือนักเรียนทุนบางคน คนต่างชาติที่ไปเรียนที่เกาหลี(ไม่ใช่แค่ประเทศไทย) และหลายๆคนที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ทั้งคนไทยและคนเกาหลี ทำให้เราสนใจและเจาะจงหาข้อมูล อีเมลลไปถามแค่เพียงไม่กี่มหาลัยเท่านั้น

               สำหรับเรา มหาลัยแห่งชาติโซล มหาลัยโคเรีย เราไม่เลือกแน่นอน เพราะรู้เลยว่าคนที่เรียนที่นั่นจะมีความเนิร์ดสูง มีแต่คนเก่งๆ คือเข้าใจแหละว่าพวกที่อยู่มหาลัยนี้เก่งชัวร์ แต่เราไม่รู้ว่าด้านการสอนภาษาเขาดีระดับไหน มหาลัยอีฮวานี่ก็ตัดออกเลยค่ะ เพราะเราไม่ชอบสังคมค่ะ เคยไปอยู่แล้วแบบ ชะนี๊ ชะนีเกาหลีเลย คนที่เรียนที่นั่นที่เรารู้จักไม่มีใครแนะนำให้มาเรียนที่นี่เลยยค่ะ 55555 ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนมหาวิทยาลัยคยองฮีก็สองจิสองใจค่ะ เห็นมีคนบอกว่าเน้นเรื่องกิจกรรมและการเรียนในห้อง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครพูดถึงเท่าไหร่ พูดถึงก็พูดแต่ว่าอ่อ มหาลัยสวยดี -..-

             ส่วนมากที่มีแต่คนแนะนำเราเลยก็คือ ยอนเซกะซอกังค่ะ สูสีกันมากกกกกก ซองกยุนกวาน เราชอบส่วนตัวค่ะ เห็นเป็นมหาลัยเก่าแก่ และมีคอร์สสำหรับสอบเข้ามหาลัยที่เกาหลี และเคยอยู่ในโปรแกรมเรียนภาษาของเด็กทุน เลยสนใจ อีกที่ที่สนใจคือ มหาวิทยาลัยดงกุกค่ะ เนื่องจากเราอยากเรียนต่อโทคณะที่มหาลัยนี้ เลยคิดว่าถ้าเรียนภาษาที่นี่คงสามารถยื่นต่อโทได้ง่ายกว่าเพราะเป็นมหาลัยเดียวกันค่ะ

เอาล่ะ มาดูแต่ละมหาลัยกันบ้างว่ามีคอร์สและโปรแกรมการเรียนอย่างไรบ้าง

1. มหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei University)
    หาข้อมูลได้ที่ Yonsei University Korean language Institute
    อีเมลล์สอบถามที่ yskli@yonsei.ac.kr

            มหาลัยยอนเซถือเป็นมหาลัยอันดับต้นๆของเกาหลี ถ้าพูดถึงเรื่องภาษาละก็ ถือเป็นอันดับ 1 
ของเกาหลีเลยก็ว่าได้ค่ะ มีการเรียนที่เข้มงวด เรียนค่อนข้างหนัก การบ้านเยอะค่ะ 
เน้นแกรมม่าสุดๆ ไวยกรณ์แน่กว่าที่ไหนๆ หลายคนแนะนำให้เรียนที่นี่คะ 
ทุกครั้งที่ถามทุกคน จะต้องมีมหาลัยยอนเซอยู่ 1 ในมหาลัยที่คนเกาหลีแนะนำให้เรียนภาษาค่ะ 
แต่จากที่ถามหลายๆคน มหาลัยนี้เรียนแล้วดีจริง แต่ค่อนข้างเน้นไวยกรณ์ 
การเรียนหนักและค่อนข้างน่าเบื่อค่ะ เพราะทุกอย่างเคร่งมาก ทุกคนมาเพื่อเรียนค่ะ 
คนที่เรียนส่วนมากจะเป็น คนเอเชียค่ะ จีน ญี่ปุ่นประมาณ 80% ยังไงก็โดนยอมรับว่าเป็นมหาลัยที่สอนภาษาอันดับ 1 ถ้าใครไม่รู้จะเรียนที่ไหน ขี้เกียจหาข้อมูลก็ที่นี่เลยค่ะ 5555 
และสำหรับคนที่ต้องการต่อปริญญาที่ประเทศเกาหลรโดยต้องเรียนเป็นหลักสูตรภาษาเกาหลี 
มีการทำวิจัย เขียน thesis ก็ขอแนะนำให้เรียนที่นี่เลยดีกว่าค่ะ 
เพราะเขาค่อนข้างละเอียดและแบบเรียน หนังสือเป็นที่ยอมรับในหลายๆที่ค่ะ 
ที่ไทยส่วนมากก็ใช้แบบเรียนของยอนเซค่ะ ขนาดนักเรียนที่เรียนที่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล 
ยังบอกให้มาเรียนภาษาที่นี่เลยค่ะ (แต่ถ้าใครที่ทนความน่าเบื่อไม่ไหว ไม่แนะนำนะคะ 
หรือใครที่อยากมาเรียนเพื่อเอาไว้ใช้ทั่วไป ใช้ไนชีวิตประจำวันมากกว่า เรียนชิลๆไม่ได้กะจะต่อหลักสูตรเกาหลีก็ไม่แนะนำค่ะ)



สาขาที่เปิดสอน
>>หลักสูตรปกติ (Regular Program)
      การอบรมภาษา และวัฒนธรรมเกาหลีหลักสูตรปกตินั้น ใน 1 ปีเปิดสอนทั้งหมด 4 ภาคเรียน ภาคเรียนละ 10 สัปดาห์ โดยนักเรียนทุกคนจะต้องสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาเกาหลีก่อน(ทางมหาวิทยาลัยจะ เป็นผู้ทำการทดสอบ) จะแบ่งเป็น 6 ระดับ ระดับละ 1 เทอมค่ะ ถ้าจะเรียนทั้ง 6 ระดับก็ 6 เทอมค่ะ ประมาณ 1 ปีครึ่งด้วยกัน ตั้งแต่ระดับต้น ถึงระดับสูง เรียนตั้งแต่วันจันทร์ ถึงวันศุกร์ เวลา 9:00 - 13:00น. หรือ 13.40 - 17.30 (ห้องเรียนละประมาณ 12 คน) หลักสูตรนี้จะเป็นหลักสูตรที่เป็นที่นิยมค่ะ คนส่วนมากจะเรียนหลักสูตรนี่ค่ะ
>> นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรภาคค่ำสำหรับคนทำงาน หลักสูตร 3 สัปดาห์ หลักสูตร advance สำหรับคนที่จบคอร์สธรรมดาแล้วต้องการเรียนเพิ่ม หลักสูตรซัมเมอร์ หลักสูตรมหาวิทยาลัย อันนี้จะสำหรับคนที่วาแผนจะเรียนต่อมหาลัยที่เกาหลีค่ะ จะเรียนวันละ 6 ชั่วโมงค่ะ คอร์สนี้จะสามารถจบภายใน 1 ปี แต่ต้องเรียนตามตารางที่กำหนด จะมาสมัครกลางเทอมไม่ได้นะคะ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ลิ๊งด้านบนที่เราแปะไว้นะ
หรือสามารถสอบถามได้ที่ EMAIL ค่ะ


ตารางของแต่ละเทอม



 ค่าเล่าเรียนและค่าสมัคร

ราคาประมาณ 1,800,000 KRW พอเห็นภาพคร่าวๆ แล้วนะคะ จริงๆแล้วการเรียนภาษาของแต่ละที่จำนวนชั่วโมงเรียนมีความคล้ายกันค่ะ รวมถึงราคาด้วย แต่ที่ดูมายอนเซจะแพงที่สุดนะคะ 


2. มหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University)
    หาข้อมูลได้ที่ KLEC
    อีเมลล์สอบถามที่ ckss@sogang.ac.kr

            สำหรับซอกังนี่ถือว่าเด่นเรื่องภาษาเหมือนกันค่ะ เพราะหลายคนก็ได้ไปเรียนที่นี่ 
ซอกังจะเน้นเรื่องการพูดค่ะ พูดมันทั้งคลาสค่ะ คือเรียนจากที่นี่แค่คอร์สเดียวก็สามารถพูดได้ค่ะ 
ใช้ชีวิตได้ค่ะ ฟังออก แต่แกรมม่าอาจจะยังไม่เป๊ะพอ 
ที่นี่จะเรียนแกรมม่าผ่าน writing นะคะ วิชา writing จะแกรมม่าเป๊ะพอสมควรค่ะ 
คอร์สก็เหมือนๆยอนเซเลยค่ะ เรียนวันละ 4 ชม. 5 วัน ทั้งหมด 200 ชั่วโมง
ที่นี่ก็มีคอร์สพิเศษ คล้ายๆยอนเซคือ KGP(Korean for General Purpose)200 
คือทั่วไปและคอร์ส KAP(Korean for Academic Purpose)200 สำหรับเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ 
ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจค่ะ มีวิชาพิเศษอย่าง Topik สำหรับเตรียมตัวสอบด้วยค่ะ 
และวิชา writing เวลาเขียน introduced yourself ค่ะ

สำหรับคอร์ส KAP200


คอร์ส KGP200
คอร์สนี้มี level 7 เพิ่มมาด้วยนะคะ

ค่าเรียนทั้ง 2 คอร์สราคาเท่ากันค่ะ คือ 1,620,000 KRW ค่ะ

              ที่ซอกังน่าสนใจดีค่ะ น่าเรียนเพราะมีวิชาพิเศษเยอะด้วยถือว่าน่าเรียนมากค่ะ และที่ดีกว่าคือ สำหรับใครที่อยากเรียนต่อที่มหาลัยนี้นะคะ ถ้าเข้าอบรมภาษาถึงระดับ 3 สามารถเรียนต่อที่นั่นได้โดยไม่ต้องสอบวัดระดับภาษาของมหาลัยด้วยค่ะ เริ่ดดดด แต่เฉพาะที่จะเข้าเรียนต่อของมหาลัยนี้เท่านั้นนะคะ เราไม่แน่ใจว่าที่อื่นเป็นแบบนี้หรือเปล่า


3. มหาวิทยาลัยซองกยุนกวาน (SKKU)
    หาข้อมูลได้ที่ KoreanSLI
    อีเมลล์สอบถามที่ koreaneng@skku.edu

              ซองกยุนกวานเป็นมหาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเหมือนกันนะคะ และในโปรแกรมของทุน KGSP บางที่ก็มีมหาลัยนี้ในโปรแกรมเรียนภาษาของเด็กทุนด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าปีนี้จะมีไหม ต้องรอดูประกาศค่ะ ซึ่งถ้าเรียนจะเรียนที่เมืองซูวอนค่ะ ห่างจากโซลประมาณ 45 นาที ถือว่าไม่นานนะคะ ค่าเรียนก็แพงพอๆกันค่ะ 555 ที่นี่ ข้อดีคือมีคอร์สแบบเรียน 6 ระดับในระยะเวลา 1 ปีคือเรียนหนักไปเลยค่ะ สำหรับคนที่รีบเรียนค่ะ เป็นคอร์ส 6 Session ใน 1 ปีค่ะ เรียนมันไปเลยค่ะ Level 6 ใน 1 ปี ที่อื่นนี่ 1 ปีครึ่ง - 2 ปี นะคะ ที่นี่เรียน 5ชม.ต่อวัน = 8 สัปดาห์ต่อเทอมค่ะ

เปรียบเทียบระหว่างการเรียนทั้ง 2 แบบค่ะ

การเรียนที่นี่เรียน 5 ชั่วโมงต่อวัน สัปดาห์ละ 5 วันค่ะ ใช้เวลาเรียนเทอมละ 8 อาทิตย์เท่านั้นคะ ทั้งหมด 200 ชั่วโมงปกติ แต่การเรียนจะค่อนข้างเร็วค่ะ ประหยัดเวลาไป 2 อาทิตย์แหนะ จบได้ง่ายๆภายใน 1 ปีค่ะ พอครึ่งปีก็ไปสอบ topik ได้เลยนะคะ ฮ่าๆ


รายละเอียดคอร์สค่ะ

              ค่าเรียนรวม 1,522,000 KRW ถือว่าถูกกว่าซอกังและยอนเซนะคะ แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ต่างกันมากค่ะ ที่นี่เรียนหนักมากนะคะ จะบอกว่าไม่สบายค่ะ เรียนเยอะเรียนเร็ว แต่หลุดอาจมีซ้ำชั้นเป็นได้ค่ะ เราเคยเจอคนที่เรียนที่นี่แล้วซ้ำชั้นนะ โฮกกกกกกก 55555 ถ้าจะเรียนแบบตั้งใจให้ไปอยู่นอกเมืองที่ซูวอนไปเลยค่ะ 555



4. มหาวิทยาลัยดงกุก (Dongguk University)
    หาข้อมูลได้ที่ interlangen
    อีเมลล์สอบถามที่ klc@dongguk.edu

               เนื่องด้วยคณะที่อยากเข้าอยู่ที่มหาลัยนี้ ทำให้คิดว่าการเรียนภาษาที่นี่น่าจะช่วยให้เราสามารถเข้ามหาลัยนี้ได้มากกว่าค่ะ และอาจจะเหมือนกรณีซอกังคือเรียนแล้ว เข้าอบรมภาษาแล้วอาจจะไม่ต้องสอบวัดระดับภาษาที่นั่นถ้าจะเรียนต่อ อิอิ
นี่คือข้อดีแค่นั้นแหละค่ะ เหอๆ เพราะการเรียนการสอนนี่ปกติทั่วไปมากค่ะ เหมือนๆพื้นฐานของทุกมหาลัยค่ะ ฮ่าๆ ค่าเรียนพอๆกะ ซองแดนะคะ 
หลายๆคนแนะนำเราว่าถ้าอยากเข้ามหาลัยไหนให้เรียนภาาาที่มหาลัยนั้นค่ะ แต่ว่าเราก็แอบกลัวนะคะว่าเรียนไปแล้วเข้ามหาลัยเขา แล้วถ้าเราเรียนโทไม่รู้เรื่องล่ะ!!! ฮ่าๆๆ
เลยขอไปที่แม่นๆ แน่นๆ ชัวร์ๆดีกว่าค่ะ



                ทีนี่หลังจากการค้นคว้ามา จะเรียนที่ไหนละคะ สรุป ฮ่าๆๆๆ หาข้อมูลมาเยอะมาก หลายๆคนอาจจะเห็นว่าค่าเรียนนั้นแพงเหลือเกินไม่ไหวหรอก แนะนำให้เรียนนอกเมืองสำหรับคนงบน้อยนะคะ ที่มีคนแนะนำเยอะๆเช่น Kiemyang Univ, Daegu Univ,Inha Univ,Ajou Univ และอื่นๆ อย่าง 2 ที่แรกที่กล่าวมานี่ค่าเรียนตกเทอมละประมาณ 1 ล้านวอนค่ะ ถูกกว่าตั้ง 5 แสนแหนะ ส่วนที่พัก ถ้านอกเมืองแน่นอนว่าถูกกว่าอยู่แล้วค่ะ ทั้งค่าอยู่ค่ากินแถมได้โฟกัสไปที่การเรียนเลยค่ะ

                ทั้งนี้ทั้งนั้น การสอนภาษาของแต่ละที่ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายหรอกค่ะ มันอยู่ที่ตัวเราด้วยว่าจะรับแบบไหน รับได้แค่ไหน มีความตั้งใจแค่ไหน มันก็เหมือนเวลามีคนต่างชาติมาถามเราอะแหละค่ะว่า แกๆ เรียนภาษาไทยที่ไหนดีอ่ะ? เราก็คงคิดว่า เรียนที่ไหนก็เหมือนกันแหละ เรียนไปเหอะ สุดท้ายถ้าเมิงไม่ใช้ในชีวิตประจำวันก็พูดไม่ได้อยู่ดีป้ะ 55555 และคนส่วนมากคิดไม่ออกก็จะตอบว่าอะไรคะ เรียนที่จุฬาสิแกรรร (คุ้นๆเนาะเหมือนเวลามีคนเกาหลีให้เราไปเรียนที่ยอนเซ 555555)


 ส่วนตัวนะคะ คิดว่าจะเรียนที่ไหน ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยค่ะ TT TT 
ต้องมาดูว่าเราเหมาะกับอะไร อยากเรียนแบบไหน 
คิดว่าตัวเองเรียนแบบไหนแล้วจะสามารถเข้าใจได้ 
และมีความสุขกับการเรียน อะไรแบบนี้ 
ซึ่งอ้างอิงจากการเรียนภาษาอังกฤษของเราก็ได้ค่ะ 
อย่างเราเนี้ย ชอบพูดค่ะ พูดมากก ฟังได้ แต่แกรมม่า การอ่าน การเขียนนี่ไม่ค่อยได้ค่ะ 
ในการเรียนเอาเข้าจริงๆน่าจะเน้นอ่านกะเขียนมากกว่าเหมือนกัน 
พวกคำศัพท์ การใช้ เยอะไปอีก พูดมาทั้งหมด ตอนนี้ค่อนข้างเอียงไปทาง
ซองกยุนกวาน เพราะหลักสูตรมันไปเร็วดี
เราอาจจะยังไม่ค่อยมั่นใจ 2 เทอมแรกอาจจะเรียนที่ซองกยุนกวาน 
แล้วค่อยย้ายไปเรียนที่อื่นต่อค่ะ  


วันนี้พอแค่นี้ก่อนละกันเนาะ เขียนอะไรได้ยาวเบอร์นี้ ตู้หูวววว ฮ่าๆๆ
โพสหน้ามาใหม่จะมาพูดเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปเรียนที่เกาหลีค่ะ งานนี้มีกรี๊ดอ่ะ
มีเงินเท่าไหร่ถึงจะไปเรียนได้? ที่พักเป็นยังไง? พักหอในหรือหอนอกดี?
อาหารการกินล่ะ? เพื่อนต่างชาติ? และอื่นๆ?

สำหรับใครที่มีแผนจะไปเรียนเกาหลีภายในปีนี้ หรือใครเคยไปเรียนแล้วมาอ่านแล้วเราเขียนข้อมูลขาด เกินหรือปิดไป สามารถแจ้งได้นะคะ มีอะไรคุยกันได้หลังไมค์น้า ตามไปที่ 

twitter TWITTER
อย่าลืม like Facebook Fanpage กันน้า monsterinkorea

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

KGSP ช้ำเลือดช้ำหนอง

สวัสดีค่าาาา ทุกคนน

บอกข่าวเรื่องทุนค่ะ สุดท้ายยยยยยยก็ประกาศมาแล้ววววว รอบสองงง
กรี๊ดดดดดด

ผลคือออ


ไม่มีชื่อกรูค่ะ ท่านผู้โช้มมมมมมมม 55555555

ตามนั้นค่ะ ร้องไห้ไป 2 ชม. แล้วก้หยุดค่ะ
เลิกเสียใจ ทำใจได้แล้วค่ะ เร็วเว่อร์อ่ะะะ 55555

ตอนแรกก็รู้สึกท้อแท้มากมายค่ะ แบบหลายอารมย์มากที่มีตอนนั้น
ร้องไห้เพราะทั้งเสียใจ ทั้งโมโห ทั้งหงุดหงิด เครียด กลัว อะไรไม่รู้เต็มไปหมด ใครมาสะกิดไม่ได้เลยนะคะ น้ำตาแตกค่ะ 5555

กลับบ้านมา เจอพ่อ ร้องไห้ โดนด่าอีกข่าาาาา
พ่อบอกว่า ร้องให้ตายก็ไม่ได้หรอกทุนอ่ะ ร้องทำไม บลาๆๆๆๆ
สรุป ห้ามร้อง ห้ามเสียใจค่ะ จบ
อีกอย่างเราก็ไม่เห้นว่าการเสียใจจะมีประโยชน์ยังไง
ชีวิตเราต้องก้าวเดินต่อไปค่ะ เรามีทางเลือกเสมอ เราไม่ใช่คนที่โชคร้ายที่สุดในโลกสักหน่อย
อย่างน้อยเราก็ทำดีที่สุดแล้ว ผ่านมาได้ขนาดนี้ก็ภูมิใจแล้วค่ะ
อีกอย่างเสียใจไปพ่อแม่เราก็เสร้าด้วย สู้มาตั้งใจกันใหม่ รีบหาทางใหม่ จะได้ไม่เสียเวลาไปวันๆค่ะ

เราโชคดีที่พ่อแม่อยากให้เรียนต่ออยู่แล้ว กะจะส่งเรียนอยู่เลย
พ่อเลยถามว่าอยากเรียนที่ไหน พอเราบอกอยากเรียนเกาหลีพ่อก็บ่นๆๆๆค่ะว่า
ชอบอะไรเกาหลี บ้ามันมาก บ้าเกาหลี บ้าดารา ใช่ไหมเลยจะไปเรียนที่นี่
แต่แม่เราอยากให้เราเรียนที่เกาหลีเพราะใกล้มือใกล้ตีนค่ะ มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ และมีโอกาสได้ภาษาด้วย ได้ทำงานด้วย (เพราะเราเคยมีประสบการณ์ทำงานกับบริษัทเกาหลีและตอนนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ค่ะ ทำให้มีคนรู้จักเป็นบริษัทใหญ่ๆที่เกาหลีเยอะค่ะ ทั้ง CJ E&M, Yg Ent, JYP, SBS และสื่อต่างๆที่เกาหลีด้วย ทำให้อาจได้ทำงานที่นั่น)

และคณะที่เราเลือกเรียน คือไปทางด้าน Digital Convergence ค่ะ คล้ายๆ Digital Markenting, digital communication อยู่ในสายนิเทศค่ะ เราลองหาคณะนี้ที่อังกฤษไม่มีสอนค่ะ ที่อเมกามีค่ะ แต่พ่อก็ไม่อยากให้ไปอเมกาอีกเพราะอันตรายค่ะ (สรุปใครเรียนคะเนี้ย) 55555 แต่เราเข้าใจพ่อเรานะ เขาก็เป็นห่วงเรา กลัวเราไปเรียนกลับมาไม่มีงานทำ ดูแลตัวเอง เลี้ยงตัวเองไม่ได้ เรื่องเงิน ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพ่อค่ะ คือพ่อเรารักลูกมากสุดท้ายไม่ว่าเงินจะเยอะขนาดไหน เขาก็จะหามาให้ลูกเรียนให้ได้ค่ะ ซึ้งใจมาก TT TT
เราเลยคิดว่าเราต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราต้องเรียนให้ได้ และต้องเรียนได้ดีด้วยค่ะ

ส่วนเหตผลที่เราขอพ่อคือ เราอยากได้ภาษาอีกภาษาด้วยค่ะ เพราะภาาาอังกฤษเราพอสื่อสารได้ เข้าใจ ติดต่องานได้ คุยธุรกิจได้ค่ะ แม้ว่าศัพท์จะไม่ทางการมากถึงขั้นอ่านข่าว หรือแกรมม่าเป๊ะขนาดเรียนนอกนะ แต่คิดว่าสามารถใช้ทำงานได้ค่ะ เลยอยากได้อีกภาษา เนื่องจากเป็นคนสนใจเกาหลี ชอบมันอยู่เลย เลยอยากเรียนที่นี่ค่ะ มี passion มีแรงบันดาลใจ ส่วนวิชาที่เรียนมันค่อนข้างเฉพาะทาง สำหรับเราและจากการหาข้อมูลจากคนที่อยู่ในวงการ คนที่เรียนต่อนอกมากมาย สรุปได้ว่า

เรื่อง digital เกาหลีเร็วกว่าอเมกาอีกนะ เรื่อง VR & Digital communications เค้าบูมมาหลายปีแล้วมีอะไรให้เรียนรู้เยอะมาก แล้วยังมีเรื่องการเอา social media มาผสานกับการวัดเรตติ้งหน้าจอ ซึ่งตอนนี้เมืองไทยเพิ่งพยายามจะทำ +  การไปเรียนเกาหลีจะได้เรียนรู้ถึง behaviour ของ คนเอเชีย + digital technology แล้วเอามา adapt ใช้กับเมืองไทยได้ง่ายกว่าไปเรียนยุโรป/เมกา แถมถูกกว่าด้วย

ประโยคสุดท้ายสำคัญค่ะ มันถูกกว่า!!! ฮ่าๆๆ
ไฟท์กะพ่อจนโอเค พ่ออนุมัติค่ะ วะฮ่ะฮ่าาา พอพ่อโอเคยอมให้ไปเรียน เลยคุยกันค่ะว่า ไปเรียนภาษาก่อนแล้วลองขอทุนอีกปีแบบยื่นคะแนนภาษาด้วย แปลว่าตอนเรียนภาษาต้องตั้งใจมากๆค่ะ แต่ในความอนุมัตินั้น ก็แอบบมีความลังเลเหมือนจะไม่ให้เรียนอยู่เล็กเลยคิดว่าต้องรีบจัดการสมัครและรีบทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนนางจะเปลี่ยนใจค่ะ

จานั้นเริ่มหาข้อมูลของมหาลัยที่มีสอนภาษาต่างๆค่ะ ทั้งถามจากคนที่เคยเรียนบ้าง หาข้อมูลเองบ้าง
ถามในกรุ๊ปต่างๆในเฟสบ้าง ถามพวกนักเรียนทุนบ้างด้วยค่ะ

เดี๋ยวจะอธิบายเรื่องความแตกต่างของมหาลัยในโพสต่อไปนะคะ

ตอนนี้ก็เริ่มอีเมลล์ไปถามรายละเอียดกับหลายๆมหาลัยแล้วค่ะ ได้รับการตอบกลับมาหลายมหาลัยเลยทีเดียวค่ะ ที่สนใจตอนนี้ก็มี ยอนเซ ซอกัง ซองกยุนกวาน และดงกุกค่ะ (อะไรจะเยอะขนาดน้านนนนน) 5555

ดูเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใจ ระยะเวลาในการสมัคร การเรียน สอบ ดูเวลาว่าถ้าเรียนตอนนี้จะจบตอนไหน ทันยื่นทุนหรือเปล่า ประเด็นคือ ที่ยอนเซ เรียนช่วง summer ปิดรับสมัครแล้วค่ะ ซอกังก็สมัครยากมาก สงสัยต้องผ่านเมลล์อย่างเดียวค่ะ ดงกุกก็สามารถสมัครได้เลยค่ะ เหมือนเขาอยากให้เราไปเรียนมากค่ะ ฮ่าๆๆ ที่สำคัญ เราอยากต่อโทที่ม.ดงกุกค่ะ เลยคิดว่าเรียนภาษาที่มหาลัยดงกุกจะมีโอกาศสอบเข้าโทได้มากกว่า เพราะเราอาจจะไม่ต้องสอบ topik ค่ะ หากเราเรียนอบรมภาษาถึงระดับสามในมหาลัยนั้นๆค่ะ ถือว่าน่าสนใจทีเดียว แต่ก็กลัวว่าเรียนภาษาไปแล้วพอไปเรียนโทจริงๆไม่เข้าใจ เลยอยากเรียนที่แกรมม่าแน่นๆ สอนดีๆ ไปเลยค่ะ

ส่วนมากมหาลัยจะเปิดให้รับสมัครถึงปลายเดือนมิ.ย ค่ะ เริ่มเรียนช่วง fall ประมาน กันยายน ค่ะ
ถ้าจะยื่นทุนก็ มีนาปีหน้า อาจจะเรียนได้แค่ 2 ระดับค่ะ ><

คือถ้าอยาก Exemption ภาษาเกาหลีสำหรับทุน ต้องสอบให้ได้ระดับ 5 ขึ้นไปค่ะ กรี๊ดแปรปปปป 555555
เลยคิดว่าไปเรียนภาษาสอบไม่ทันแน่ๆค่าาาา คงได้แค่เลเวล 3 อาจจะต้องเสียเงินเรียน  โธ่~~ เส้าแปป

นอกจากจะรีบเรียนภายในมิถุนายนค่ะ อย่างมากก็ได้แค่ระดับ 4 ไปอีก 5555
สรุปคือมีสิทธิไม่ได้ทุนค่ะ ฟัคยูววววววววววว

แต่บางหมาลัยก็มีทุนสำหรับผู้ที่เรียนดีนะคะ มหาลัยจะออกค่าเรียนให้ค่ะ อย่างน้อยก้ 30% ค่ะ
เลยคิดว่าเรียนให้ดีแล้วเอาทุนจากมหาลัยดีกว่าค่ะ เพราะเราไม่อยากเสียเวลานานๆไปต่างประเทศค่ะ ไม่ใช่แค่เสียเวลาค่ะ เสียเงินไปอีกก Beyond สุดๆค่ะ เย้ 5555555

พักเรื่องเครียดไว้ก่อนดีกว่า
มาหาที่เรียนและสมัครภาษาให้รอดก่อนดีกว่า ฮ่าๆๆ

เดี๋ยวโพสต์หน้าจะมาอธิบายแต่ละมหาลัยนะคะ ว่าแตกต่างกันยังไง ซึ่งเอาจิงๆ แต่ละมหาลัยมีดีไม่เหมือนกันค่ะ แล้วแต่ว่าคนชอบเรียนแบบไหน (เบื่อคำตอบแบบนี้สุดๆค่ะ)

แล้วเจอกันโพสต์หน้าน้าาาา

อันยองงงง

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การรอคอยที่แสนทรมานกับทุนเกาหลี!!!

หลังจากเวิ้นเว้อกับตอนรอบแรกของทุนเกาหลี ตอนนี้เราก้ขอมาเวิ้นกันต่อกับรอบที่สองที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ ขุ่นห์พระ!! ไม่น่าเชื่อว่าเราจะทนกับการรอคอยได้ยาวนานขนาดนี้ได้ ตอนนี้เริ่มป่วงๆแล้ว ผ่านการเครียดกับการรอคอย ตอนนี้มาเครียดที่ว่า ถ้าไม่ได้ทุนล่ะ ชั้นจะทำอย่างไร? ชั้นจะไปอยู่ไหน?
นี่ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ซีเรียสกว่าตอนรอประกาศอีก เป็นสิ่งที่เราลืมคิดไป ใช่ว่าการผ่านรอบแรกแล้วจะสบาย แถมทุกวันนี้อาการติ่งแตกก็กำเริบอย่างรุนแรง 5555

อยู่ดีๆ ทวิตเตอร์ก้โกลาหลค่ะ ทั้งคอนเสิร์ต got7 BAP IKON BTS บลาๆๆ กระพือๆกันเข้ามาใหญ่
ยิ่งช่วงที่มีข่าวคอนเสิร์ต IKON ออกมา ทำให้เลิกเครียดเรื่องการรอคอยทุนไปในทันใด 55555 ทุกคนกำลังคิดว่าเด็กที่มันขอทุนเกาหลีคงเป็นติ่งกันหมดสินะ? เอ่อ ก็ส่วนนึงนะ ยอมรับว่าเราเนี้ยแหละติ่งเกาหลี ทำให้มีแรงพลักดันในการขอทุน มันถือเป็นข้อดีใช่ไหม? 5555 เราว่าดีนะ เพราะทำให้เรามีอนาคต อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าได้ทุนแหละวะ (เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้) เราไม่ได้ติ่งพร่ำเพรื่อ ติ่งไร้สาระ หรือติ่งจนทำงานไม่ได้ ไม่เรียน ไม่หาเงินนะ ติ่งเนี้ยตัวทำงานหาเงินเลยค่ะ 55555 ก้ถ้าไม่มีเงินก็ติ่งไม่ฟินอ่ะสิ

โอเคค ลากมาเรื่องติ่งสะยาวยืด เอาเป็นว่า พรุ่งนี้แม่งประกาศผลแระ เสียวสุด และเครียดด้วยเพราะถ้าไม่ได้เท่ากับตัน เราต้องเสียเวลาเรียนไปอีก 1 ปีเพราะคงต้องไปเรียนอเมกาไม่ก้อังกฤษแน่นอน และเราจะไม่ขอทุนเป็นครั้งที่ 2 กับเกาหลีอยู่แล้ว 55555 พ่อแม่ก็คงไม่ส่งให้ไปเรียนที่เกาหลี เพราะถ้าจะส่งทั้งที พ่อแม่เราขอส่งไปประเทศฝั่งยุโรปดีกว่า ไม่ได้ดูถูกนะคะ แต่มองความเป็นจริงคือ คนประเทศอื่นพูดภาษาอังกฤษได้มากกว่าภาษาเกาหลี ในการทำงานย่อมมีโอกาสมากกว่า อยู่แล้ว แต่ถึงไปเรียนเกาหลี ยังไมก้ต้องใช้อังกฤษแหละ ยิ่งเด็กทุนยิ่งเรียนหนัก ไม่ต้องพูดถึงเวลาการติ่ง ไม่น่าจะมีเหลือ 555555

พรุ่งนี้จะมาอัพเดตอีกที ถ้าเกิดเห็นเราปิดบลอกก้แปลว่า เราไม่ได้ทุนนะคะ 5555


วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

1st Selection announcement!!

หลังจาก panic กับการปนะกาศผลรอบแรก
จริงๆ มหาลัยส่งเมลล์มาตั้งแต่วันที่ 11 เมษายนแล้วค่ะ 5555 แต่ไม่มีโอกาสได้มาเขียนเลย

ทางมหาลัยส่งอีเมลล์มาตอนประมาณ 10 โมง
วันนั้นคือพอตื่นมาก็เช็คเมลล์เลย หลังจากนั้นก็เช็คเมลล์ตลอดค่ะ แทบจะทุก 15 นาที 555
เมลล์เด้งทีนี่สะดุ้งไปตามๆกัน

พอได้รับอีเมลจากมหาลัยตอนแรกไม่กล้าเปิดค่ะ 5555 ฝันไว้เยอะ
แต่สักพักก้ทำใจเปิด เพราะเริ่มมีเพื่อนๆที่สมัครทักมาบอกว่าได้เมลกันแล้วบลาๆๆๆ

เปิดมา ช็อคค่ะ

ผลคือ

ผ่าน!!!!!! OMG

พอเห็นเมลนี่แบบอ่านแล้วอ่านอีก อ่านซ้ำไปซ้ำมา หลายรอบมาก คิดในใจนี่เรื่องจริงใช่ไหม ไม่ได้ฝันใช่ไหม ตอนนั้นคือแบบอยากกรี๊ดมากแต่อยู่ที่ทำงาน รีบไลน์ไปบอกพ่อทันที พ่อโทรหาเลยค่ะ
ตอนคุยกับพ่อก็เสียงนิ่งมาก พยายามคุยเบาๆ เพราะอยู่ในที่ทำงาน ไม่อยากเสียงดัง
แต่ในใจนี่แบบ

อิเ-ี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เชี้ยยยยยยยยยยยยย แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
What the F**kkkkkkkk
(เซนเซอร์ด่วนค่ะ)

สติหลุดไปเลย แม่งแบบ อิเชี้ยยยยย คือดีใจมากอ่ะ
ทั้งๆที่ก็รู้นะว่าแค่รอบแรกคือยังมีรอบสอง แต่แบบจุดนั้น ขอดีใจก่อนได้ป้ะวะ
สักพักไปดูความเคลื่อนไหลในกรุ๊ป แสรดดดด คนผ่านเป็น 10 ดีออก
เริ่มเรียกสติ เริ่มทำใจ เริ่มดาวน์และวนกลับมา panic อีกครั้ง
(อิห่าน ตรูดีใจยังไม่ทันถึงครึ่งวันเลย)

แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ยินดีกับทุกคนที่ผ่านจริงๆ ทุกคนทำดีมาก ขอให้พวกเราได้ผ่านเข้ารอบสองไปด้วยกัน จับมือร้องเพลงสามัคคีชุมนุม นางงามสันติภาพสุดดด
แต่ในใจนี่แบบ ผ่านรอบสองเชี้ยไรล่ะ เขาให้โควต้าแค่ 9 คน อิดกผ่านมากกว่า 20 คนแระมั๊ง แล้วตุจะไปได้ไหมเนี้ย ทำไมคนผ่านเยอะจังวะ ทำไงดี สงสัยต้องบน ต้องดูดวง ต้องสวดมนต์ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ความคิดแตกกระเจิงไปหมดค่ะ 55555555 ไหว้ทุกอย่าง สามแยกยังไหว้ ไหวแม่งหมดอ่ะ

เพราะรู้ตัวว่าตัวเองก็เกรดไม่ได้โอเค คะแนนภาษาเกาหลีก้ไม่มี มีแต่คะแนโทอิกป่วงๆ ว๊อท เดอะ........
ไม่รู้ว่ารอดมาได้ไง อาจจะเพราะ background ประสบการณ์ทำงานตรงกับสาขาที่จะเรียนต่อ (มั๊ง)
เอาจริงก็ไม่รู้ว่าแต่ละมหาลัยมีการคัดเลือกยังไง แต่มหาลัยเราเขาชี้แจงมาว่า
การคัดเลือก เขาจะให้ prof. ของมหาลัย 10 คน ย้ำนะคะ 10 คน ดูเอกสารทั้งหมดและพิจารณากันว่าจะให้ใครผ่านเข้ารอบต่อไป คือบับอาจารย์ 10 คนเลยเนี้ยนะ แลดูเคี่ยวมาก ซึ่งใน 1 มหาลัยต้องส่งชื่อไม่เกิน 20 คนต่อมหาลัยในทุกสัญชาติ เราว่ามหาลัยเราส่งชื่อไม่ถึง 20 คนอ่ะ ถ้าเมิงจะโหดสัสรัสเซียขนาดนี้ -..- (เดานะ)

เราก้ไม่รู้ว่าเราผ่านมาได้ยังไงนะจริงๆ สำหรับรอบ 2 ประกาศวันที่ 3 พ.ค ค่ะ คือถ้าเราผ่านรอบนี้ แปลว่าเราได้ทุนนี้ชัวร์ๆ รอแค่ประกาศอีกทีว่าจะได้ไปเรียนภาษาที่ม.ไหน จังหวัดอะไร คือโปรแกรมนี้ต้องเรียนภาษาต่างจังหวัดหมดเลยค่ะ และไปสืบทราบมาคือต้องอยู่หอในมหาลัยด้วย *ซึ่งตรงนี้ เจ้พูดเลยเจ้ไม่โอเค 555555 คือให้อยู่หอในพอได้แต่แบบขอห้องเดี่ยวได้ไหม ไม่เอาห้องน้ำรวม จะหาว่าดัดจริตก็ได้ ยอมรับกุดัดจริตจริง กุไม่โอกะห้องน้ำรวม เคป้ะ -..-  ยอมเสียตังหาที่อยู่ใหม่อ่ะ พูดเลย คือไม่สงสารเราก้สงสารคนที่มาอยู่ห้องเดียวกะเราเหอะ 5555 นี่เป็นคนรักความเป็นส่วนตัวมากๆๆๆๆๆ แต่ชอบสังคมนะ เราเพื่อนเยอะ เที่ยวตลอด ตอนเรียนก็อยู่กะเพื่อน ช่วยกันทำงาน แต่เรายังคงต้องการความเป็นส่วนตัวอ่ะ คือถ้าไม่สนิทจริง ไม่รู้จักนิสัยเราจริงๆอ่ะ อยู่กะเราทนไม่ได้แน่นอน เราเป็นคนขี้รำคาญมากๆๆ แล้วคือเราเป็นคนพูดตรงไง รำคาญก้บอกตรงๆว่ารำคาญ ปากหมาอ่ะ แต่ไม่ได้คิดไร(นิสัยไม่ดีเนาะ) เอะอะช่างแม่ง ใครเรื่องมากกุเทค่ะ เรื่องของเมิง จบ

ตอนนี้ก็รอวันที่ 3 พ.ค อย่างเดียว (อิเชี้ย รออีกแงะ) ทุนนี้มีแต่การรอคอย 555 รอมันเข้าไปดิ เอาให้รากงอนไปถึงแกนโลกเลยอ่ะ แต่ก้ทำไรไม่ได้ รอลุ้นอย่างเดียว ตอนนี้ก้หาข้อมูลเรื่องการอยู่หออยู่ว่าสรุปตรูต้องอยู่หอในมหาลัยใช่ม๊ายยยยยย TT TT หาทางที่จะไม่ต้องอยู่หอใน ถึงอยุ่ก้ขอห้องเดี่ยวเหอะ

สำหรับใครที่จะสมัครแล้วเกิดคำถามที่ว่า ทำอย่างไรเขาถึงจะเลือกเราให้ไปในรอบต่อไป กุขอพูดเลยค่ะ "เมิงเก่งอย่างเดียวไม่ได้นะ เมิงต้องเฮงด้วย" เพราะที่เห็นเก่งๆอ่ะ หลุดรอบแรกก้มี (แต่กุที่ไม่เก่งสงสัยมีแววหลุดรอบสอง ฟัคคคค)

โพสต์นี้ค่อนข้างมีคำหยาบอยู่มากจีจี 555 ใครที่เผลอหลงมาอ่านก็ขอโทษด้วยนะคะ รับไม่ได้ก็อย่าอ่านเลย เพราะเราคงเปลี่ยนสไตล์การเขียนของเราไม่ได้อ่ะ คงต้องเจอสไตล์นี้ไปเรื่อยๆแหละ 55555 แต่จริงๆเราใจดีนะ มีอะไรถามได้เสมอ ยินดีช่วยจ้า ไม่ต้องกลัวว่าเราจะรำคาญนะถ้าถามเยอะ เพราะถ้ารำคาญเราจะบอกทันที ฮาาาาาาาาาาา

ยังไงก็ติดตามกันได้แบบเรียลไทม์นะครัช มีไรจะมาอัพเดตจ้าาา :)

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

สมัครทุนเกาหลี KGSP 2016

มาแล้ววววว
หลังจากที่ห่างหายไปนาน ตั้งใจจะมาเขียนบล็อกจริงๆจังๆแล้วค่ะ
เพราะว่าอยากจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้สำหรับคนที่คิดอยากเรียนต่อต่างประเทศ
เริ่มจากตอนนี้ทำการสมัครทุนเกาหลี KGSP 2016 เรียบร้องแล้วค่ะ (เรื่องรายละเอียดของทุนหาในกูเกิ้ลเลยค่ะ)

ด้วยความที่ตอนสมัคร panic มาก หาข้อมูลเยอะมากในอากู๋ แต่ก็เจอแต่ประสบการณ์เดิมๆ ขั้นตอนการสมัครแบบทั่วไปเหมือนอ่านใน guideline (ฮาาาา) เลยคิดว่าถ้าตัวเองลองมาเขียนอาจจะเป็นข้อมูลให้กับคนอื่นๆได้บ้าง (เหรอ?)

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเราไม่ใช่คนเก่งหรือเรียบร้อยอะไรเลยนะคะ เป็นคนที่ค่อนข้างแสบพอสมควร 5555 พูดจาตรงๆไม่อ้อมไปมา มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงค่ะ ทั้งๆที่อยู่หญิงล้วนนะ เรียนก้เรียนพอถูไถ เรียนมหาลัยแถวสนามบินสุวรรณภูมิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่ทำงานเป็น Event Marketing ที่สถานีโทรทัศน์น้องใหม่ ตอนนี้ทำมา 2 ปีกว่าๆแล้วค่ะ ทำแม่งทุกอย่างอ่ะ อาจจะเพราะเป็นสถานีใหม่ ช่วงแรกพนักงานไม่มี เลยทำหลายอย่างมาก จับฉ่ายสุดๆ ทำไปสักพักเริ่มเบื่องานและครอบครัวก็อยากให้เรียนต่อได้แล้ว เพราะพี่สายไปก็เรียนโทที่อังกฤษกลับมาแล้ว พ่อก็อยากให้เรียนต่อ ตอนแรกก้วางแผนจะไปเรียนต่ออเมกา ยุโรป อังกฤษ ไรงี้ แต่พอทำงานได้มีโอกาศร่วมงานกับประเทศเกาหลีบ้าง และสนใจในเทคโนโลยีความก้าวหน้าของเกา บวกกับความเป็นติ่งเล็กน้อย ทำให้ได้เจอทุน KGSP อันนี้ เป็นขององค์กร NIIED เข้าใจว่าเป็นรัฐบาลเกาหลีร่วมกับมหาลัยเอกชนในเกาหลี เลยทำการศึกษา อ่านรีวิวรัวๆ โหลดไกด์ไลน์ของมหาลัย ถามคนที่เคยสมัครในเฟสบ้าง ทวิตเตอร์บ้าง (ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย) แล้วจัดการเตรียมเอกสาร ส่งเลยค่ะ 55555

เราส่งตรงที่มหาลัยนะ โดยมหาลัยที่ส่งคือ Dongguk University ค่ะ เพราะรู้สึกว่ามหาลัยนนี้จะดังเรื่อง Broadcasting และ New Media ค่ะ ตอนเลือกเมเจอร์ก็เข้าใปดูในเวบมหาลัยเลยว่ามีสอนอะไรบ้าง วิชาที่สอน เลยเลือก Journalism and mass communication Major Digital Convergence (ซึ่งเดี๋ยวมันจะมามีปัญหาในภายหลัง) ตอนยื่นเอกสารก้เรียงลำดับตามไกด์ไลน์เลย และไปสอบโทอิกยื่นเพิ่มด้วย ได้แค่ 605 คะแนนเท่านั้นแหละค่ะ TT TT ส่งไปได้ปุ๊บ ก็เมลบอกทางมหาลัยเลยค่ะว่าได้รับไหม สักพักทางมหาลัยก็บอกมาว่าได้รับแล้ว โอเคผ่านไป
ข้อควรระวัง: แต่ละมหาลัยมี Deadline ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้โหลดไกด์ไลน์จากมหาลัยที่เราเลือกเพื่อความปลอดภัยค่ะ

หลังจากส่งเอกสารไปสักพักก็ได้รับเมลจากมหาลัยค่ะว่าสาขาที่เราเลือกมานไม่มีในโปรแกรม!!!! ให้เลือกใหม่ อิเห้..... แล้วใน study plan ก็โม้วิชาที่อยากเรียนไปในนั้นแล้วแบบจัดเต็มแล้วถ้าเลือกใหม่มันจะขัดกับสิ่งที่เราเขียนไหมละเนี้ย แต่ช่างแม่งค่ะ นางอุตส่าให้โอกาสเลือกใหม่ ก็เลือก major Broadcasting and New Media ไปค่ะ จิตตกเล็กน้อย ผ่านไปไม่กี่วัน มหาลัยอีเมลมาบอกว่าจะโทรมาสัมภาษณ์คร่าาาา อินี่ดีใจมากคือว่าเห้ยย ถือว่าผ่านไป 1 ขั้นเหว่ยยยย แต่พอแอบไปดูในกรุ๊ปในเฟสบุค อห ทุกคนก้ได้เมลสัมภาษณ์กันเกือบหมด เลยดีใจเก้อเลยค่ะ 55555




หน้าตาอีเมลล์จากทางมหาลัย


ในการสัมภาษณ์ จะบอกว่าสั้นมว๊ากกกกกกกก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเราก็แอบงงๆเล็กๆ 555555 คิดว่าวันนี้คงไม่น่าโทรมาแล้วน่าจะพรุ่งนี้ แต่โชคดีที่เปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ตลอดค่ะ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์รีบพุ่งไปเลยยังไม่ได้ปิดแก๊ซที่ต้มมาม่าเลย 5555
เบอร์ไม่ขึ้น ขึ้นว่า UNKNOWN ค่ะ คิดว่าน่าจะโทรผ่าน Skype หรือเปล่าไม่แน่ใจเพราะเสียงสัญญานไม่ชัดเลยค่ะ ถามซ้ำหลายรอบมาก
พอรับเสร็จเขาก้บอกเลยว่าโทรมาจากมหาลัยดงกุกที่อีเมลล์ไปว่าจะสัมภาษณ์นะ
คำถามแรก
1. Introduce Yourself
ก็ปกติค่ะ พูดเหมือนที่เขียนใน Sop เลย
2. ทำไมถึงเลือมาเรียนที่ดงกุก
ตอบตามที่เคยเขียนไปเหมือนกันค่ะ -..-
3. แพลนหลังจบเรียน
ตอบตามที่เขียนอีกเช่นเคย
คือทุกอย่างที่นางถามมา เราเขียนบอกไปหมดแล้วใน Sop และ Study Plan คืองงมากว่าไม่อ่านเหรอ แล้วระหว่างสัมภาษณ์ไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย เราพูดอะไรไป แทบไม่มี reaction กลับมา คือไม่รู้ว่าง่วงแล้วหรือเปล่าเพราะที่นู้นก้น่าจะเกือบเที่ยงคืน หลังจากนั้นก้ขอบคุณ เราก็ Hope to see you in Korea คัมซาฮัมนีดา เขาก็ตอบกลับมาเป็นภาษาเกาหลีค่ะแล้วก็รีบวางไปเลย
คืองงมาก มันเร็วมากค่ะทุกคน ทั้งหมด 3 นาที
คือพอมาอ่านของคนอื่นๆดูเป็นคำถามที่รจิงจังมาก มีหลายคำถามสุด
แต่ทำไมมหาลัยเราถามเหมือนสัมภาษณ์พอเป็นพิธีก็ไม่รู้ 55555
เหมือนเขาโทรมาเช็คว่าที่เราเขียน Sop และ Study Plan ไปเราเขียนเองจริงๆหรือเปล่า เพราะทุกอย่างที่เขาถามเรามีอยู่ในเอกสารหมดแล้ว

ผ่านไป 3 วันก็ได้รับเมลจากมหาลัยอีกครั้งว่าจะประกาศผลรอบแรกวันที่ 11 เมษายน ผ่านอีเมลล์


ถ้านับจากตอนนั้นคือประมาณอีก 1 อาทิตย์ โคดดดทรมานเลยค่าาาาท่านผู้ชมม
คือแบบ panic มาก นอนไม่หลับเลย หลับก้ไม่สนิท เก็บไปฝันอีก วันๆไปทำงานก็เบลอๆ เอาแต่นั่งเช็คเมลล์ เข้ากรุ๊ปดูการอัพเดต ลุกลี้ลุกลนจนถึงขั้น ไปดูดวงค่ะ 555555 หมอดูบอกได้แน่ๆ ได้ชัวร์ แถมไปนี่ได้ตังค์ด้วยเหรอ คือทุนมันให้เงินเดือนค่ากินอยู่ด้วยค่ะ เราก็เอาแล้วไงๆๆ หมอดูคนนี้จะแม่นไหม ไม่อยากเชื่อ 100% กลัวไม่ได้แล้วจะเสียใจ ขนาดไม่อยากเชื่อนะ ระหว่างรอที่เข้าเวบเกาหลีดูหอพักแล้ว 55555555 

ประเด็นคือถึงผ่านรอบแรกแต่ก็ต้องไปรอรอบ NIIED คัดเลือกอีกอยู่ดี ซึ่งปีที่แล้วมีคนไทยโดนคัดออกรอบนี้เกือบ 10 คน ความเสี่ยงจะน้อยกว่าแต่ก็พอมีโอกาสและแต่ว่าปีนั้นมีคนไทยที่ผ่านตรงมหาลัยส่งไปที่ NIIED เยอะขนาดไหน ถ้าเกินโควต้าคนไทยก็มีสิทธิโดนคัดออก แล้วดูจากประวัติตัวเอง ตัวเองก็มีสิทธิอ่ะ 555555 พอวันที่ 8 บางมหาลัยเริ่มประกาศแล้ว มีคนไทยหลายคนที่ไม่ผ่านเหมือนกัน แต่ก็มีคนที่ผ่าน และยังมีพวกคนที่ไม่ได้อยู่ในกรุ๊ปอีกล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดค่ะ เครียดมาก กินไม่ลง นอนไม่หลับ เมนส์ก็ไม่ยอมมาอีก แสรสสสสสสสสสสส ถึงขั้นไปถามคนที่เคยโดนคัดออกในรอบสองว่าทำไมคะ ทำไมพี่ถึงโดนคัดออก NIIED เขาใช้เกณฑ์อะไรในการวัดคะ บลาๆๆ สติหลุดเรียบร้อยค่ะ พี่เขาก็บอกว่าเราน่าจะได้นะ เพราะปีนี้เคร่งกว่าปีที่แล้ว คนไทยที่ผ่านรอบแรกมหาลัยดูมีไม่กี่คนเอง แถมเรามีประสบการณ์ด้านที่เราจะเรียนต่ออีก พี่เขาว่าเราได้แน่นอน โอโห พี่มั่นใจในตัวหนูมากค่ะ ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย 55555 วันๆไม่ทำไรเข้าแต่อิกรุ๊ป KGSP เนี้ย จนทนไม่ไหว ตรูขอเขียนบล็อกละกัน ระบายความเครียดดดด โดยพรุ่งนี้เนี้ยจะเป็นวันที่มหาลัยประกาศแล้วค่ะ คืนนี้จะนอนหลับไหมละเนี้ย 

เอาเป็นว่าผลที่ได้จะเป็นยังไง พรุ่งนี้จะมาเล่าให้ฟังนะคะ ขอให้ผ่านด้วยเถอะะะะะะ สาธุฯๆๆ